ภาคแรกดัง ที่นี้ทั้ง Robert Zemeckis และ Bob Gale ก็สามารถสานต่อความฝันของพวกเขาได้แล้วล่ะครับ กับการทำมันเป็นไตรภาค ในภาคนี้หลังจากแก้ปัญหาได้ทุกอย่างในคราวก่อน ปรากฏว่ามีปัญหาใหม่มาจนได้ครับ ดร.บราวน์ (Christopher Lloyd) กลับมาหามาร์ตี้ (Michael J. Fox) หลังจากที่ดร. ได้เจาะเวลาไปยังปี 2015 แล้วพบว่าลูกๆ ของมาร์ตี้กำลังจะเจอปัญหาใหญ่ พวกเขาก็ต้องตามไปแก้มันน่ะนะครับ ทำให้การผจญภัยครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้นจนได้ กับภาคนี้ เสน่ห์ความน่าติดตามแบบเรียบง่ายแต่เจ๋ง ลดลงไปพอสมควร เพราะหนังมันเน้นไซไฟกระหน่ำ Effect มากขึ้นนะครับ แต่ถึงกระนั้น หนังก็ยังสนุกอยู่ครับ เพราะปมที่ดร.บราวน์กับมาร์ตี้ ต้องแก้ในภาคนี้ค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร เพราะเรื่องของเรื่องมันไม่ได้มีแค่การแก้ปัญหาให้ลู กของมาร์ตี้เท่านั้นน่ะ สิครับ มันยังมีเรื่องต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ตามมาอีก และมีการย้อนไปสู่เหตุการณ์ในภาคแรกอีกครั้ง แล้วคนดูก็ต้องลุ้นอีกรอบ ซึ่งพวกบทและเนื้อเรื่องก็ยังถือว่าทำได้เฉียบครับ ดนตรีของ Alan Silvestri (ซึ่งพี่แกก็เป็นคอมโพเซอร์คู่บุญของผู้กำกับ Robert Zemeckis น่ะครับ) เก่งจริงๆ เขาเก่งและเชี่ยวสุดๆอยู่ 2 แนวครับ อันนึงก็คือแนวครอบครัวอีกแนวก็เป็นผจญภัย ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังสำแดงฝีมือได้ดีอยู่ ยิ่งฉากช่วงท้ายๆ ดนตรีให้อารมณ์มากทีเดียว ส่วนที่ค่อนข้างเด่นคือการผูกเรื่องครับ ซึ่งอย่างที่บอกหนังภาคนี้มันมีการย้อนไปยังเหตุการณ ์ในตอนแรกด้วย ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีทีมงานก็ไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นหร อกครับ ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นพวกมาร์ตี้ต้องย้อนไปเจอตัวอ ีกในปี 1955 แต่จริงๆ แล้วบทดั้งเดิมนั้น พวกมาร์ตี้ต้องย้อนไปปี 1960 ครับต่างหาก แต่เผอิญผู้กำกับ Zemeckis แกเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา เลยทำให้เราได้ลุ้นเหตุการณ์ในภาคแรกอีกครั้งในตอนท้ ายของภาคนี้ ซึ่งผมถือว่าเยี่ยมนะ ถ้ามือไม่แน่จินตนาการไม่ถึงนี่หนังคงเลอะเทอะน่าดูท ีเดียว ดาราส่วนมากก็เจ้าเก่าครับ ซึ่งเล่นดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะ Fox ซึ่งต้องรับบทหลากหลายมาก ไม่ว่าจะมาร์ตี้ตอนหนุ่ม ตอนแก่ , ลูกชายและลูกสาวของมาร์ตี้ พี่แกเหมารวมเล่นหมดเลยครับ ซึ่งก็โอเคน่ะ แต่ถ้าเราลองมาดูต่อกันสามตอนรวดจะเห็นความเปลี่ยนแป ลงประการหนึ่ง นั่นคือ ควมเจ้าอารมณ์ของมาร์ตี้ซึ่งในภาคแรกนั้นฏ็มีครับ แต่เป็นแบบพอดีๆ เลยทำให้ตัวละครมาร์ตี้ค่อนข้างหลากทางมิติและน่าเอา ใจช่วย แต่ในภาคนี้มาร์ตี้ค่อนข้างอารมณ์ร้อนมากกว่าเดิมเยอ ะ ซึ่งก็เข้าใจครับว่าทีมงานต้องการเล่นกับประเด็นนี้ (ซึ่งเล่นไปจนถึงภาค 3 เลยทีเดียว) แต่จุดนี้เองที่ทำให้หนังมันออกจะโดดอารมณ์ไปจากภาคแ รกพอสมควร อีกทั้งหนังมันจะกลายเป็นหนักทางเนื้อหาแบบผจญภัยแอ๊ คชั่นมากกว่าที่จะมาให้ ความสำคัญกับอารมณ์ของตัวละคร ซึ่งภาคแรกมันพอดีไงครับ ส่วนผสมมันเข้าเนื้อ ไม่มีอะไรมากจนเกินไป หนังเลยไปได้ลื่น แต่กับภาคนี้แม้บทจะดีและซับซ้อน แต่ตัวมาร์ตี้ค่อนข้างเปลี่ยนไปมากนั่นคือเจ้าอารมณ์ มากไป ซึ่งก็เลยทำให้ความพอดีแบบภาคแรกมันพร่องไปน่ะครับ เหมือนเวลาเรากินไอติมมะนาวน่ะฮะ ไอ้เปรี้ยวน่ะดี แต่ถ้าเปรี้ยวแหลมมากไปความอร่อยก็ย่อมลดน้อยลงไปด้ว ย สรุปก็คือ หนังเป็นภาคต่อที่ดีน่ะครับ แต่อาจจะพร่องไปบ้างบางอารมณ์ แต่ดีที่เนื้อหามันน่าติดตาม ก็เลยพอจะชดเชยกันได้ ผลออกมาก็เลยไม่ทำให้ผิดหวังเท่าไหร่ เพราะดูสนุกและให้ความบันเทิงได้ดีตามเคย
Thursday, December 27, 2012
Back to the Future II เจาะเวลาหาอดีต ภาค 2
ภาคแรกดัง ที่นี้ทั้ง Robert Zemeckis และ Bob Gale ก็สามารถสานต่อความฝันของพวกเขาได้แล้วล่ะครับ กับการทำมันเป็นไตรภาค ในภาคนี้หลังจากแก้ปัญหาได้ทุกอย่างในคราวก่อน ปรากฏว่ามีปัญหาใหม่มาจนได้ครับ ดร.บราวน์ (Christopher Lloyd) กลับมาหามาร์ตี้ (Michael J. Fox) หลังจากที่ดร. ได้เจาะเวลาไปยังปี 2015 แล้วพบว่าลูกๆ ของมาร์ตี้กำลังจะเจอปัญหาใหญ่ พวกเขาก็ต้องตามไปแก้มันน่ะนะครับ ทำให้การผจญภัยครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้นจนได้ กับภาคนี้ เสน่ห์ความน่าติดตามแบบเรียบง่ายแต่เจ๋ง ลดลงไปพอสมควร เพราะหนังมันเน้นไซไฟกระหน่ำ Effect มากขึ้นนะครับ แต่ถึงกระนั้น หนังก็ยังสนุกอยู่ครับ เพราะปมที่ดร.บราวน์กับมาร์ตี้ ต้องแก้ในภาคนี้ค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร เพราะเรื่องของเรื่องมันไม่ได้มีแค่การแก้ปัญหาให้ลู กของมาร์ตี้เท่านั้นน่ะ สิครับ มันยังมีเรื่องต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ตามมาอีก และมีการย้อนไปสู่เหตุการณ์ในภาคแรกอีกครั้ง แล้วคนดูก็ต้องลุ้นอีกรอบ ซึ่งพวกบทและเนื้อเรื่องก็ยังถือว่าทำได้เฉียบครับ ดนตรีของ Alan Silvestri (ซึ่งพี่แกก็เป็นคอมโพเซอร์คู่บุญของผู้กำกับ Robert Zemeckis น่ะครับ) เก่งจริงๆ เขาเก่งและเชี่ยวสุดๆอยู่ 2 แนวครับ อันนึงก็คือแนวครอบครัวอีกแนวก็เป็นผจญภัย ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังสำแดงฝีมือได้ดีอยู่ ยิ่งฉากช่วงท้ายๆ ดนตรีให้อารมณ์มากทีเดียว ส่วนที่ค่อนข้างเด่นคือการผูกเรื่องครับ ซึ่งอย่างที่บอกหนังภาคนี้มันมีการย้อนไปยังเหตุการณ ์ในตอนแรกด้วย ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีทีมงานก็ไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นหร อกครับ ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นพวกมาร์ตี้ต้องย้อนไปเจอตัวอ ีกในปี 1955 แต่จริงๆ แล้วบทดั้งเดิมนั้น พวกมาร์ตี้ต้องย้อนไปปี 1960 ครับต่างหาก แต่เผอิญผู้กำกับ Zemeckis แกเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา เลยทำให้เราได้ลุ้นเหตุการณ์ในภาคแรกอีกครั้งในตอนท้ ายของภาคนี้ ซึ่งผมถือว่าเยี่ยมนะ ถ้ามือไม่แน่จินตนาการไม่ถึงนี่หนังคงเลอะเทอะน่าดูท ีเดียว ดาราส่วนมากก็เจ้าเก่าครับ ซึ่งเล่นดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะ Fox ซึ่งต้องรับบทหลากหลายมาก ไม่ว่าจะมาร์ตี้ตอนหนุ่ม ตอนแก่ , ลูกชายและลูกสาวของมาร์ตี้ พี่แกเหมารวมเล่นหมดเลยครับ ซึ่งก็โอเคน่ะ แต่ถ้าเราลองมาดูต่อกันสามตอนรวดจะเห็นความเปลี่ยนแป ลงประการหนึ่ง นั่นคือ ควมเจ้าอารมณ์ของมาร์ตี้ซึ่งในภาคแรกนั้นฏ็มีครับ แต่เป็นแบบพอดีๆ เลยทำให้ตัวละครมาร์ตี้ค่อนข้างหลากทางมิติและน่าเอา ใจช่วย แต่ในภาคนี้มาร์ตี้ค่อนข้างอารมณ์ร้อนมากกว่าเดิมเยอ ะ ซึ่งก็เข้าใจครับว่าทีมงานต้องการเล่นกับประเด็นนี้ (ซึ่งเล่นไปจนถึงภาค 3 เลยทีเดียว) แต่จุดนี้เองที่ทำให้หนังมันออกจะโดดอารมณ์ไปจากภาคแ รกพอสมควร อีกทั้งหนังมันจะกลายเป็นหนักทางเนื้อหาแบบผจญภัยแอ๊ คชั่นมากกว่าที่จะมาให้ ความสำคัญกับอารมณ์ของตัวละคร ซึ่งภาคแรกมันพอดีไงครับ ส่วนผสมมันเข้าเนื้อ ไม่มีอะไรมากจนเกินไป หนังเลยไปได้ลื่น แต่กับภาคนี้แม้บทจะดีและซับซ้อน แต่ตัวมาร์ตี้ค่อนข้างเปลี่ยนไปมากนั่นคือเจ้าอารมณ์ มากไป ซึ่งก็เลยทำให้ความพอดีแบบภาคแรกมันพร่องไปน่ะครับ เหมือนเวลาเรากินไอติมมะนาวน่ะฮะ ไอ้เปรี้ยวน่ะดี แต่ถ้าเปรี้ยวแหลมมากไปความอร่อยก็ย่อมลดน้อยลงไปด้ว ย สรุปก็คือ หนังเป็นภาคต่อที่ดีน่ะครับ แต่อาจจะพร่องไปบ้างบางอารมณ์ แต่ดีที่เนื้อหามันน่าติดตาม ก็เลยพอจะชดเชยกันได้ ผลออกมาก็เลยไม่ทำให้ผิดหวังเท่าไหร่ เพราะดูสนุกและให้ความบันเทิงได้ดีตามเคย
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment